เมื่อคลอรีนละลายน้ำจะแตกตัวออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ Hypochlorous Acid (HClO) และ Hypochlorite Ion (OCl-) สัดส่วนของ HClO และ OCl- ที่ปรากฏในสารละลายคลอรีนขึ้นกับ pH HClO มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคสูงกว่า OCl- 80-120 เท่า โดย pH ที่เหมาะสมซึ่งสามารถแตกตัวได้ปริมาณ HClO สูงสุดในการใช้เป็นสารฆ่าเชื้อโรค (Sanitizer) อยู่ในช่วง 6-7 สารละลายคลอรีนชนิด Sodium Hypochlorite solution (NaOCl) ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันมีค่า pH สูงกว่า 10 ซึ่งที่ pH ระดับนี้จะแตกตัวให้แค่ OCl- เท่านั้น จึงถือว่า NaOCl มีสารฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพเป็นองค์ประกอบอยู่ในระดับต่ำ

Purester Water คือ ของเหลวเหมือนน้ำที่มีลักษณะใส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น มีค่า pH อยู่ในช่วง 5.0-6.5 (Slightly acidic) ซึ่งมีกรดไฮโปคลอรัส (Hypochlorous Acid : HClO) ซึ่งเป็นสารสำคัญในการออกฤทธิ์ (Active ingredient) ที่ปริมาณสูง 90%-95% และไม่มีส่วนประกอบของคลอรีนตกค้างหลังจากใช้งาน

กระบวนการเริ่มต้นจากใช้สารตั้งต้นคือกรดไฮโดรคลอริกเจือจาง (Diluted HCl ) และน้ำผ่านเข้าไปในตัวเครื่อง Purester จากนั้นจะเกิดกระบวนการอิเล็กโทรไลซิส (Electrolysis) ภายในเครื่อง โดยที่ขั้วอาโนด (Anode) จะมีก๊าซคลอรีน (Cl2) เกิดขึ้น และ Cl2ที่เกิดขึ้นนี้จะไปละลายผสมรวมกับน้ำ จากนั้นจะแตกตัวได้กรดไฮโปคลอรัส (HClO) ปริมาณมาก และกรดไฮโดรคลอริก (HCl) ปริมาณน้อยมาก (0.001%) ออกมา ส่วนที่ขั้วคาโทด (Cathode) จะเกิดก๊าซไฮโดรเจน (H2) ขึ้นและถูกปล่อยทิ้งออกไป

ความเข้มข้นของกรดไฮโปคลอรัสใน Purester Water จะมีค่าอยู่ในช่วง 10-30 ppm

Purester Water มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย (Bactericidal) หลากหลายชนิด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดความเป็นพิษในอาหารได้ถึง 99.999% นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อไวรัส (Virucidal) รวมถึงเชื้อโรคในกลุ่มของพวกฟังไจ (Fungicidal) เช่นกัน

กรดไฮโปคลอรัส (HClO) มีคุณสมบัติในการไปทำลายพันธะเคมีภายในโมเลกุลของแบคทีเรียและไวรัส โดย HClO จะเกิดกระบวนการแลกเปลี่ยนอะตอมกับสารประกอบต่าง ๆ ภายในเซลล์ของแบคทีเรีย เช่นเอนไซม์ของแบคทีเรีย โดยเมื่อเอนไซม์ของแบคทีเรียทำปฏิกิริยากับ HClO ทำให้อะตอมของไฮโดรเจนภายในโมเลกุลของแบคทีเรียจะถูกแทนที่ด้วย HClO จึงส่งผลให้เซลล์ของแบคทีเรียเปลี่ยนรูปร่างไป และเมื่อเอนไซม์ภายในเซลล์ของแบคทีเรียไม่สามารถทำงานได้ ก็จะมีผลทำให้เซลล์ตายในที่สุด

Purester Water สามารถผลิตขึ้นเองเพื่อใช้แทนสารเคมีและ Steam ในการฆ่าเชื้อ ไม่ต้องมีการจัดเก็บ การผสม ไม่มีสารตกค้างที่ต้องบำบัด ช่วยลดขั้นตอนและเวลาในการล้าง Purester Water ประกอบด้วยสารออกฤทธิ์หลักคือ HClO ปริมาณที่สูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับสารประกอบคลอรีนที่ใช้ทั่วไป เช่น คลอรีนเหลว (โซเดียมไฮโปคลอไรท์ : NaOCl) หรือ คลอรีนผง (แคลเซียมไฮโปคลอไรท์ : Ca(OCl)2) ที่สามารถแตกตัวให้ HClO ได้ปริมาณเพียง 5% ถึง 10% จึงทำให้ต้องใช้สารประกอบคลอรีนเหล่านี้ในความเข้มข้นค่อนข้างสูง และมีสารตกค้าง นอกจากนี้ Purester Water ยังมีความปลอดภัยต่อผู้ใช้มากกว่าสารประกอบคลอรีนที่ใช้ทั่วไปอีกด้วย

จากการทดสอบโดยสถาบัน Japan Food Hygiene Association ในการล้างผลิตภัณฑ์อาหาร ได้แก่ ผักกะหล่ำ, แครอท, ปลาทูน่า, เนื้อวัว และเส้นพาสตา พบว่าไม่มีคลอรีนตกค้างในผลิตภัณฑ์เหล่านั้น ซึ่งแสดงถึงความปลอดภัยในการที่จะนำ Purester Water เป็นไปสารฆ่าเชื้อโรค และสามารถสัมผัสกับอาหารได้โดยตรง (Approved on Food Additive by MHLW Japan, USFDA)

• ใช้งานง่ายและปลอดภัยต่อผู้ใช้
• ฆ่าเชื้ออย่างมีประสิทธิภาพ แม้ความเข้มข้นตํ่าเพียง 10-30 ppm
• เมื่อใช้ฆ่าเชื้อแล้วจะกลับเป็นนํ้าธรรมดา มีคลอรีนตกค้างเทียบเท่านํ้าประปา
• ทดแทนการใช้สารประกอบคลอรีน เช่น NaOCl หรื อ Ca(OCl)

  2

• ทดแทนการใช้นํ้าร้อนและไอนํ้าในการฆ่าเชื้อ ประหยัดพลังงาน
• ปลอดภัยจากสารตกค้าง อาทิ Trihalomethane, Bromic acid และ Chloric acid
• ลดการบําบัดนํ้าเสีย

Purester Water มีการกัดกร่อนต่อโลหะน้อยมาก

จากคุณสมบัติของ Purester Water ในการเป็น Slightly Acidic Electrolyzed Water พบว่ามีหลากหลายประเทศที่ให้การรับรอง ได้แก่ Korea KFDA, Europe EPA, U.S.A FDA, FDA-FSIS, USDA และ MHLW of Japan โดยมีสถานที่อ้างอิงในการนำ Purester Water ไปใช้มากกว่า 800 แห่งในหลายประเทศ

ในปัจจุบัน Purester Water ถูกนำไปใช้ในหลาย ๆ ด้าน เช่น การนำไปใช้ในโรงงานผลิตอาหาร นม เครื่องดื่ม เพื่อล้างวัตถุดิบ ล้างเครื่องมือเครื่องจักร, พื้นผิว, รวมถึงล้างมือ นอกจากนี้ยังมีการนำไปใช้ในร้านอาหาร โรงเรียน โรงพยาบาล ฟาร์ม ฯลฯ

เครื่อง Purester มีทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่
- SS-300 มีกำลังในการผลิต 300 ลิตร/ชั่วโมง (3 ตัน/วัน)
- SS-1000 มีกำลังในการผลิต 1000 ลิตร/ชั่วโมง (3-12 ตัน/วัน)