ความปลอดภัยและความสดใหม่เป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญอันดับต้นๆของผู้ผลิตอาหาร การเก็บรักษา การจัดการ และการขนส่งที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อที่จะสามารถจัดส่งผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีถึงผู้บริโภคได้ตรงเวลา นั่นหมายถึงการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ในสภาพแวดล้อมที่มีการควบคุมอุณหภูมิ เรียกว่าระบบ Cold Chain วิธีการนี้ถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลาย เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ได้จะมีความปลอดภัยและมีความสดใหม่ถึงผู้บริโภค ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกันจะต้องการอุณหภูมิที่ใช้ในการเก็บรักษา การจัดการ และการขนส่งที่แตกต่างกันด้วย
COOL FACTOR
สำหรับผลิตภัณฑ์เบเกอรี่และขนมหวาน อุณหภูมิที่ใช้ในการขนส่งจะต้องมีอุณหภูมิเดียวกับอุณหภูมิของคลังสินค้า ผลิตภัณฑ์แช่แข็งที่ต้องเก็บรักษาและขนส่งที่อุณหภูมิในช่วง –18 ถึง -20 องศาเซลเซียส เช่น ขนมปังแช่แข็งต่างๆ ในส่วนผลิตภัณฑ์ขนมหวานที่มีการผลิตสด เช่น ขนมเค้ก และของหวาน จะต้องรักษาความเย็นอยู่ที่ 4 – 8 องศาเซลเซียส ในทางตรงกันข้าม ขนมปังข้าวไรย์ หรือขนมปัง artisan ต้องเก็บรักษาในห้องปรับอากาศที่มีอุณหภูมิอย่างน้อย 24 องศาเซลเซียส
บริษัท Sweat-Treats ใช้รถบรรทุกเย็นที่สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วจากบริษัท STVE ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ Goldbell มีการจัดแบ่งห้องในรถบรรทุกเป็นส่วนๆ และติดตั้งระบบปรับอากาศเพื่อใช้ในการขนส่งประจำวัน ห้องที่ใช้ภายในจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือห้องสำหรับเก็บผลิตภัณฑ์แช่แข็ง และห้องสำหรับเก็บผลิตภัณฑ์แช่เย็น ซึ่งรถบรรทุกเย็นนี้สามารถที่จะขนส่งสินค้าได้แม้ในประเทศสิงคโปร์ที่มีสภาพอากาศร้อนชื้น
FRESH MEAT
สำหรับผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ สัตว์ปีก และอาหารทะเล สำนักงานผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและสัตวแพทย์ของประเทศสิงคโปร์แนะนำว่า รถที่ใช้ในการขนส่งผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ต้องมีการติดตั้งอุปกรณ์ที่ทำให้สามารถควบคุมอุณหภูมิของผลิตภัณฑ์ได้ที่ 4 องศาเซลเซียส หรือต่ำกว่า รวมถึงการควบคุมอุณหภูมิที่ใจกลางสินค้าไม่เกิน 7 องศาเซลเซียสตลอดระยะเวลาที่ทำการขนส่ง ในส่วนของผลิตภัณฑ์ที่ต้องการเก็บรักษาแบบแช่แข็ง เพื่อรักษาลักษณะเนื้อสัมผัสที่ดี ต้องมีการติดตั้งระบบทำความเย็นที่สามารถควบคุมอุณหภูมิห้องอยู่ที่ -18 องศาเซลเซียส หรือต่ำกว่า และอุณหภูมิที่ใจกลางสินค้าไม่เกิน -12 องศาเซลเซียส ตลอดระยะเวลาที่ทำการขนส่ง
SYSTEMS IN PLACE
ในสภาพอากาศร้อนชื้น ระบบ Cold chain ที่ใช้ในการขนส่งต้องมีประสิทธิภาพอย่างมาก เนื่องจากโดยปกติแล้ว การขนส่งโดยใช้รถขนสินค้า หรือรถบรรทุกที่มีการแบ่งแยกส่วน จะใช้เวลาประมาณ 1 – 12 ชั่วโมง ดังนั้นเทคโนโลยีที่ใช้ในการทำระบบความเย็นจึงมีความซับซ้อน เพื่อที่จะสามารถส่งผลิตภัณฑ์อาหารที่หลากหลาย ณ อุณหภูมิหนึ่ง และระดับความชื้นที่แตกต่างกัน ให้ถึงปลายทางได้อย่างปลอดภัย
ระบบทำความเย็นจะต้องสามารถปรับ เพื่อที่จะสามารถควบคุมอุณหภูมิ การหมุนเวียนของอากาศได้อย่างแม่นยำและเหมาะสมกับชนิดและปริมาณของผลิตภัณฑ์ที่ทำการขนส่ง
การเพิ่มความปลอดภัยและการรักษาคุณภาพของสินค้าที่จะขนส่ง สามารถทำได้โดยการติดตั้งระบบทำความเย็นสำรอง เพื่อที่จะช่วยควบคุมสภาพแวดล้อมของอากาศรอบๆผลิตภัณฑ์ให้มีความเหมาะสม แม้ว่าระบบทำความเย็นแรกเกิดเสียในระหว่างการเดินทาง
การพัฒนาอื่นๆของเทคโนโลยีที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศฝั่งตะวันตก คือการใช้เทคโนโลยี ultrasonic fuel sensor ซึ่งจะแสดงข้อมูล fuel level ของระบบทำความเย็นในแต่ละช่วงเวลาอย่างถูกต้อง และแม่นยำ นอกจากนี้ยังมีระบบการตรวจติดตามและควบคุมอุณหภูมิจากศูนย์กลาง ซึ่งสามารถที่จะตรวจสอบและควบคุมอุณหภูมิภายในรถขนส่งได้ตลอดเวลา
การจัดการอุณหภูมิในการขนส่งผลิตภัณฑ์อาหารเป็นสิ่งสำคัญมาก รถที่ใช้ในการขนส่งจึงต้องมีฉนวน พัดลม หน่วยทำความเย็น และท่อส่งอากาศที่มีความจุสูง นอกจากนี้สภาพภายในรถขนส่งยังส่งผลต่อการักษาอุณหภูมิในระหว่างการขนส่งด้วย ดังนั้นทีมผู้ปฏิบัติการจึงต้องทำการตรวจสอบห้องบรรทุก สภาพผนัง และประตูว่ายังอยู่ในสภาพดีและปิดสนิท รวมไปถึงการตรวจสภาพท่อส่งอากาศและระบบทำความเย็นว่าทำงานได้เป็นปกติหรือไม่ก่อนลำเลียงสินค้าสู่รถขนส่ง
SAFETY & QUALITY ASSURANCE
นอกจากความสดแล้ว สุขลักษณะ ก็ยังเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง รถบรรทุกเย็นและรถขนส่งที่ติดเครื่องปรับอากาศต้องมีการทำความสะอาดทุกวัน ควบคู่ไปกับการทำความสะอาดอย่างละเอียดทั่วถึงและการฆ่าเชื้ออย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ขั้นตอนเหล่านี้ ถ้าไม่มีการดำเนินการอย่างถูกต้อง ก็จะทำให้เกิดผลสะท้อนกลับอย่างร้ายแรง ทำให้เกิดการเจ็บป่วยจากอาหารเป็นพิษ เนื่องมาจากการจัดการที่ไม่เหมาะสมและอุณหภูมิที่ไม่คงที่ในระหว่างทำการขนส่ง
การวัดคุณภาพของผลิตภัณฑ์ จะทำโดยการการรายงานและบันทึกอุณหภูมิของเครื่องทำความเย็นอย่างสม่ำเสมอของฝ่ายผู้ปฏิบัติงานและพนักงานขับรถขนส่ง ทั้งนี้เพื่อที่จะสามารถยืนยันได้ว่าผลิตภัณฑ์ถูกนำออกจากคลังสินค้าและถึงสู่ปลายทางในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม นอกจากนี้การตอบรับจากลูกค้าก็ยังเป็นการเรียกร้องให้มีการตรวจสอบคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ
การจัดการการขนส่งจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อที่จะให้แน่ใจได้ว่าผลิตภัณฑ์จะถูกส่งไปยังผู้บริโภคในสภาพที่สดใหม่ สะอาดและปลอดภัย ต่อการบริโภค ดังนั้นผู้ประกอบการจะต้องไม่ปล่อยให้การขนส่งเป็นจุดอ่อนใน supply chain